แฟนเข้าห้องน้ำนาน แก้ปัญหายังไงดี

หลายคนคงประสบปัญหา แฟนเข้าห้องน้ำนาน บางที 1 ชั่วโมงก็แล้ว 2 ชั่วโมงก็แล้ว แรกๆ ก็เป็นห่วง กลัวจะมีอุบัติเหตุ แต่พอนานเข้าเริ่มกลายเป็นปัญหา เพราะจัดการตัวเองไม่ถูกว่าจะต้องเข้าห้องน้ำก่อนหรือหลัง พังกว่านั้นคือไปทำงานสาย ซึ่งดีเทลการใช้ชีวิตเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้นี่เองที่ทำให้ชีวิตคู่ของใครหลายคนง่อนแง่นไปโดยไม่รู้ตัว

ก่อนที่จะปล่อยให้ชีวิตคู่พัง หรือตัดสินใจพังประตู เรามาลองหาวิธีจัดการกับปัญหาแฟนเข้าห้องน้ำนานกันเถอะ

สาเหตุส่วนใหญ่ที่แฟนเข้าห้องน้ำนานอาจเป็นเพราะว่าเขากำลัง ต้องการพื้นที่ปลอดภัย ไม่ว่าทางกายหรือทางใจ และห้องน้ำก็มีความเป็นส่วนตัวมากพอที่จะเป็นหลุมหลบภัยให้เขาได้มีเวลาอยู่กับตัวเอง ถ้าลองสำรวจสาเหตุแล้วพบว่าเป็นเรื่องทางกายภาพ ก็อาจจะหามุมส่วนตัวให้เขาได้มีอิสระ แต่ถ้าเป็นพื้นที่ทางใจ เขากำลังอาจรู้สึกไม่ปลอดภัยบางอย่าง ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องสื่อสารกันอีกที

จึงนำมาสู่ข้อ 2 คือ การลองสื่อสารดูว่าเขาเข้าไปทำอะไรในห้องน้ำ แต่อย่าเพิ่งไปจี้ว่าเป็นความผิดของเขานะ กลั้นใจนิดนึง ลองเริ่มต้นใหม่ด้วยการตั้งต้นประโยคด้วยคำว่า ‘ฉัน’ แล้วตามด้วยความรู้สึกที่แท้จริงของเรา เช่น “ฉันเป็นห่วงเธอนะ เห็นเธอเข้าห้องน้ำนานๆ ต้องการให้ช่วยอะไรไหม คุณหมอเขามีวิจัยนะเธอว่านั่งชักโครกนานๆ แล้วอาจเป็นริดสีดวง ฉันเป็นห่วง” อะไรก็ว่าไป แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องเผื่อใจรับคำตอบเขาด้วยว่าเราอาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เขาต้องลี้ภัยไปในห้องน้ำ ซึ่งคำตอบอาจมีได้ทั้งเป็นไลฟ์สไตล์ของเขา ไปจนถึงอยากเล่นเกม หรือดูยูทูบคนเดียวก็ได้

ข้อ 3 ถ้าเขายืนยันว่าเป็นไลฟ์สไตล์ที่อยากรื่นรมย์กับการเข้าห้องน้ำ ไม่ได้มีเรื่องผิดใจอะไร ให้ลองอธิบายผลกระทบที่เกิดขึ้นกับเรา แต่อย่าลืมขึ้นต้นประโยคด้วย ‘ฉัน’ เหมือนเดิม เช่น “ฉันไม่รู้จะจัดการชีวิตยังไงดี” อย่างน้อยก็ดีกว่าการที่ไปโยนโครมแล้วบอกว่า “เธอเข้าห้องน้ำนาน ฉันเดือดร้อนแล้วเนี่ย!” แต่เหนืออื่นใด ลองดูน้ำเสียงของตัวเองและหาจังหวะเวลาเหมาะๆ ด้วยนะ อ้อ! คุยกันตอนอารมณ์ดีๆ ก็จะได้ผลมากว่าคุยกันตอนโกรธกันด้วย

ข้อ 4 ถ้าดูทรงว่าอีกฝ่ายเริ่มมองเห็นว่าเป็นปัญหาและอยากแก้ไข ลองตั้งข้อตกลงในการอยู่ร่วมกัน แต่ต้องเป็นข้อตกลงที่เห็นด้วยกันทั้งสองฝ่าย ถ้ามัดมือชกว่าจะออกกฎให้บ้านเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ไม่เวิร์กแน่ๆ อาจทำให้อยากหนีไปอยู่ในห้องน้ำนานขึ้นด้วยซ้ำ

จะเห็นว่าทั้งหมดอยู่ที่การสื่อสารล้วนๆ แล้วก็ไม่มีวิธีไหนที่ถูกหรือผิด แต่อย่าเพิ่งเผด็จการด้วยการยึดมือถือ แค่ลองปรับๆ แก้ๆ กันไป ถ้ายังเห็นว่าอีกฝ่ายรู้สึกไม่สบายใจยังไงก็แสดงว่ายังรักกัน และพร้อมจะปรับนั่นนิดนี่หน่อยเพื่อคนที่รักเรา จริงไหม?